HAMSIAM.COM # NO.1 HAM COMMUNITY OF THAILAND

กลายเป็นธุรกิจ + ปิดโอกาสการเข้าสู่วงการของเด็กๆอีกครับ
เชื่อเลย ผมสอบ ตอนอายุ 13 ปี ค่าสอบ 300 จ่ายสบายๆ
ลองมาวันนี้ดิ เด็กอายุ 13 ที่ไหนหาตังมาจ่ายซื้อกระดาษใบละ 1000

รุ่น7 ปี31 จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่
เด็ก ปวช.3 พอมีตังค์ค่าสมัครสอบได้
แต่เครื่องนี่ดิ C150 ถ้าจำไม่ผิด 6,500(มั้ง) รอเครื่อง,Call Sign หยอดกระปุกค่าเครื่องได้พอดี (ไม่ต่ำกว่า6เดือน):P
ก่อนสอบต้องหนังสือเกี่ยวกับวิทยุสมัครเล่น ของท่าน อจ.ขออภัยผมลืมจริงๆ(ที่เป็นตำรวจด้วยอะ)
รหัสQ ,ข้อสอบเก่า,วงจรไฟฟ้า
รุ่นหลัง ผมเรียกว่า ซื้.... ครับ

ถ้าตั้งใจที่จะเป็นนักวิทยุสมัครเล่นแล้วไม่ก็ถือว่าไม่แพงหรอครับ มันได้อะไรหลายๆอย่างนะผมว่า
ได้ทั้งเพื่อนใหม่ ได้ทั้งประสบการณ์ต่างๆที่เพื่อนสมาชิกเจอแล้วมาเล่าสู่กันฟัง อีกทั้งยังช่วยเหลือสังคมด้วยนะครับ ช่วงเกิดซึนามิก็พวกผมนี่แหละ ลงไปก่อนหน่วยงานราชการสะอีก ไปติดตั้งเสาวิทยุเอาเป็นว่าถ้าให้ดีลองโทรถาม กทช หน่อยก็ดีนะว่าค่าอะไรบ้างจะได้หายสงสัยนะ แล้วมาบอกผมด้วย

แต่คำว่า "ง่ายขึ้น" นี่ก็มองได้ 2 มุมมองเหมือนกันคือ หากมีความตั้งใจเพื่อเข้ามาศึกษาพัฒนาทักษะต่างๆก็เป็นสิ่งที่ดี แต่..หากเข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่นอกไปจากนี้ มันก็เป็นสิ่งง่ายที่จะเข้ามาแอบแฝงหาประโยชน์ได้ง่ายขึ้น

เหมือนกัน  :)

มามองอีกมุมนึง เมื่อตอน ปี 38

ตัวอย่างที่1

ค่าสอบ 300+ ค่าเครื่อง 8500(TH28)+ใบใช้ 500+ใบคอลล์ไซน์200+ใบตั้ง1000 =10500บาท=ได้สัญญาณเรีกขาน

ตัวอย่างที่2

ประหยัดสุดๆก๊ 300+เครื่องADI4500+ใบใช้ 500+ใบคอลล์ไซน์200=6000=สัญญาณเรียกขาน

ปัจจุบัน

เด๋วนี้สอบ1000 บาท+ใบคอลล์ซายน์200=1200=สัญญาณเรียกขาน

จากตัวอย่างที่1 ประหยัดไป 9300 บาท

จากตัวอย่างที่2 ประหยัดไป 4800 บาท

โดยที่เนื่องจากปัจจุบัน สามารถยืมเครื่องกันใช้ได้โดยไม่ผิดกฏหมายละ หากเป็นเด็กสมามารถใช้เครื่องของ

ผู้ปกครองได้(แต่เครื่องต้องถูกต้องทุกกระบวนความ) จึงทำให้โอกาศในการเข้าถึงกิจการได้ง่ายขึ้น แต่คำว่า

"ง่ายขึ้น" นี่ก็มองได้ 2 มุมมองเหมือนกันคือ หากมีความตั้งใจเพื่อเข้ามาศึกษาพัฒนาทักษะต่างๆก็เป็นสิ่งที่

ดี แต่..หากเข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่นอกไปจากนี้ มันก็เป็นสิ่งง่ายที่จะเข้ามาแอบแฝงหาประโยชน์ได้ง่ายขึ้น

เหมือนกัน  :)

ถ้าตั้งใจที่จะเป็นนักวิทยุสมัครเล่นแล้วไม่ก็ถือว่าไม่แพงหรอครับ มันได้อะไรหลายๆอย่างนะผมว่า
ได้ทั้งเพื่อนใหม่ ได้ทั้งประสบการณ์ต่างๆที่เพื่อนสมาชิกเจอแล้วมาเล่าสู่กันฟัง อีกทั้งยังช่วยเหลือสังคมด้วยนะครับ ช่วงเกิดซึนามิก็พวกผมนี่แหละ ลงไปก่อนหน่วยงานราชการสะอีก ไปติดตั้งเสาวิทยุเอาเป็นว่าถ้าให้ดีลองโทรถาม กทช หน่อยก็ดีนะว่าค่าอะไรบ้างจะได้หายสงสัยนะ แล้วมาบอกผมด้วย

;D ???ผมคิดว่า คงเป็นค่าดำเนินการนะครับ เพราะต้องมีผู้รับผิดชอบการสอบแต่ละครั้งเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ผู้รับผิดชอบการสอบต้องคอยประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่นอาคารสถานที่ เอกสาร ไปรษณีย์และอื่น ๆ ที่เราไม่ทราบอีก ถึงเงินส่วนที่เหลือจะเป็นค่าขนมของผู้รับผิดชอบการสอบ ผมก็ไม่เสียดายหรอกครับ     เงิน 1000 บาทสำหรับคนที่มาลงทุนหาอะไรสักอย่างในวงการมันคงสูงอยู่
**แต่สำหรับคนที่ตั้งใจเข้ามาหาความรู้ในวงการ ผมว่า 1000 บาท เทียบไม่ได้กับสิ่งที่จะได้มาทั้งมิตรภาพ ความเป็นกันเอง ไม่มีชนชั้น ไม่มีความเห็นแก่ตัว เอื้อเพื้อเผื่อแผ่จากคนในวงการนี้ เทียบกันไม่ได้เลยจริง ๆ
*มันเป็นความเห็นของผม ไม่ใช่คำตัดสินของผมนะครับ ;D ;D

+1

ถ้าเลิกการจัดอบรมแล้วสอบมาเป็น อ่านหนังสือเองหละครับ อะไรที่ประหยัดได้ก็ครวประหยัด จริงไหมครับ

การอบรมสอบต้องมีค่าใช้จ่าย = ค่าสถานที่ กาแฟ ขนมว่าง ค่าขนส่งขนม ค่าน้ำลายวิทยากร ค่าเจ้าหน้าที่ในการจัดงาน ค่าเอกสาร ค่าดำเนินการ (ค่าใช้จ่าย 2 ส่วนหลังอาจไม่เสียก็ได้ อันนี้ไม่ทราบ)
หลวงต้องเสีย ค่าผลิตกระแสไฟฟ้า ค่าอุดหนุดน้ำมัน งบประมาณในการจัดทำบัญชี
แล้วเราได้อะไรบ้าง ได้กิน ได้เพื่อนที่เข้าร่วมอบรมพร้อมกัน ได้สังคมใหม่  ได้สิทธิการเป็นนักวิทยุสมัครเล่น

ถ้าอ่านหนังสือสอบเอง ต้องเสียอะไรบ้าง มาม่าหรืออาหารประจำวันขณะอ่านหนังสือ (เอาแบบประหยัด) ค่าหนังสือสอบ (อันนี้ยืมกันอ่านได้)
หลวงต้องเสียอะไร ค่าผลิตกระแสไฟฟ้าในการดู TV ขณะอ่านหนังสือสอบ นั่งรถเมล์ไปสอบเอง
แล้วเราได้อะไรบ้าง ได้สิทธิการเป็นนักวิทยุสมัครเล่น 

ทั้งหมดทั้งมวล ตามทฤษฏีเศษรฐกิจพอเพียง

ตราบใดสัญญาณไปถึงคุณคือเพื่อน ผมว่าอย่างไรซะ ผูู้สอบรุ่ม กรมไปรษณีโทรเลข, กทช., กสทช. เขาก็เป็นเพื่อนกันได้อยู๋แล้ว เพราะเราเป็นนักวิทยุสมัครเล่น
ถ้าจะให้เสนอนะ ผมว่า ต้องมีทางเลือกให้กับประชาชนคือ ใครใคร่ได้สิทธิแบบจัดอบรมก็ไปทางหนึ่ง ใครใคร่อ่านหนังสือสอบเองก็ไปทางหนึ่ง

สุดท้ายประชาชนควรมีมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เพราะทรัพยากรธรรมชาติมิใช่ของผู้ใดผู้หนึ่ง เพียงแต่มีหน่วยงานหรือองค์กรเข้ามามีบทบาทในการจัดสรรค์ จัดระเบียบ สร้างกฏเกณฑ์ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเป็นกลไกลหนึ่งในการพัฒนากิจการนี้

มิใช่ผูกขาดสิทธิอันพึงได้อย่างเสมอภาคและเท่าเทียบตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยเพียงสมาคมหรือกลุ่มคนบางกลุ่ม

(http://image.ohozaa.com/i/288/screenshot102.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=2bf1e4765f571f5d41ee390688334f83)

สรุป. สมาคมฯที่จัดอบรมเเละสอบจะต้องส่งเงินให้ กสทช 300+ภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% รวมเป็นเงิน 321บาท
ส่วนเงินที่เหลือ ก็จะเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ    - ค่าสถานที่ๆใช้ในการอบรมเเละสอบ (เดี่ยวนี้บังคับต้องเป็นห้องปรับอากาศ)
                                                   
                                                          - อาหารเที่ยง พร้อมเบรคอาหารว่าง
                                                          - ค่าดำเนินการ บริหารจัดการ ฯลฯ
*เเต่ก็มีข่าวดีว่า มีสมาคมฯหนึ่ง เก็บค่าสมัครสำหรับเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า15ปี เพียง750บาท   เพื่อนๆลองหากันดูว่าที่ใด*

สวัสดีครับท่าน สายน้ำ  ผมเคยได้ขอคำปรึกษากับเจ้้าหน้าที่กทช.เมื่อปลายปีที่เเล้ว เจตนาที่พูดคุย คือที่จังหวัดที่ผมอยู่ อยากจัดให้มีการสอบอย่างเดียวควบคู่กับการอบรมเเละสอบ ใครใคร่อยากอบรมเเละสอบ ก็เลือกเอา หรือสอบอย่างเดียวก็มีให้เลือก เเต่ได้รับคำตอบว่า ทางกทชในขณะนั้น เขามิได้เตรียมข้อสอบสำหรับสอบอย่างเดียวครับ จึงไม่สามารถที่จะให้คำเเนะนำใดๆ ปัญหาดังกล่าวได้เกิดขึ้นกับหลายๆสมาคมฯที่มีเเนวคิดเเบบนี้
  เพราะตัวสมาคมฯเองก็ได้มองถึงความต้องการตรงนี้ ยิ่งถ้าสมาคมฯไหนได้เข้ามารับรู้บนโลกอินเตอร์เน็ต ก็จะเอาประเด็นต่างๆไปหารือกันกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือเสียงเรียกร้องใดๆ ก็จะพยายามสนองตอบเท่าที่ระเบียบมันเปิดกว้างให้เราทำได้ครับ ...  

ขออนุญาตอ้างคำบางคำและเสริมคำพูดของท่าน "สายน้ำ" ที่ว่า สมาคม จะอยู่ไม่ได้เพียงเพราะขาดรายได้จากการสมัครสอบ

แต่ในความรู้สึกผม สมมุตว่า ผมเป็นตาสี ตาสา ที่ไหนไม่รู้แต่อยากเล่นวิทยุสมัครเล่น แล้วต้องการจะสอบอย่างถูกต้อง

คำถามต่อมาก็คือ "ทำไมผมต้องจ่ายเงินให้กับสมาคม ทั้งๆ ที่ผมก็ควรที่จะมีสิทธิในการเป้นวิทยุสมัครเล่นเหมือนคนอื่นๆ ผมเองก็ไม่ได้รู้จักสมาคมเป็นการส่วนตัว"

ทางออกของปัญหานี้คือ ทางสมาคมก็จัดกิจกรรม เช่น วิ่งเดินการกุศล โบลิ่ง กล์อฟ พัฒนาสังคม ยังจะได้หลายบาทมากกว่า 700 - ค่าใช้จ่าย (สมาคมได้เท่าไหร่   แล้วพัฒนาอะไรได้มั่ง)

แถมยังเป็นการสร้างความมีส่วนร่วมให้กับสมาชิกเสียอีกทางหนึ่ง ทั้งยังรวมถึงการสร้างปลูกจิตสำนึกในการ "จิตอาสา" เสียด้วย

ไม่ต้องตั้งคำถามคลางแคลงใจว่า "แค่เริ่มต้นก็ถูกรีดไถ่โดยระเบียบ และข้ออ้างในการอยู่ไม่ได้ของสมาคม----"สมาคมให้อะไรผมกินหรอ  หรือผมมีผลประโยชน์ใดๆกับสมาคม"

ยิ่งสมาคมจัดกิจกรรมเยอะเพียงไหร่ ความสมัครสมานสามัคคีจะเกิดขึ้นเสียมากกว่า การสร้างชื่อเสียงและเป้นที่ยอมรับของบุคคลที่สนใจในกิจการนี้เป้นอย่างยิ่ง

แค่เพื่อนๆในเว็ปนี้โกงกัน 100 - 200 บาท ในการซื้อขาย ประจานกันเป็นวรรคเป็นเวน ด่าแล้วด่าอีก  อันนี้ 700 บาทเลยนะครับ

สุดท้ายของขอคิดในส่วนตัวของผม สมาคมฯ, กลุ่มคน จะอยู่ได้ ร้อยละ 51 อยู่ที่จิตใจสมัครสมานสามัคคี  ร้อยละ 49 อยู่ที่ปัจจัยในการบริหารจัดการด้านการเงิน (อันนี้ไม่ปฏิเสธว่าทุกกลุ่มต้องการเงิน) แต่จะจัดการอย่างไรไม่ให้มีข้อกังขา จะทำอย่างไรไม่ให้มีความรู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ ขอกันกินยังมากกว่านี้เลย จริงหรือไม่ครับ
ต้องขออภัยที่คำพูดบางคำของผมรุนแรงเกินไป

รุ่น7 ปี31 จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่
เด็ก ปวช.3 พอมีตังค์ค่าสมัครสอบได้
แต่เครื่องนี่ดิ C150 ถ้าจำไม่ผิด 6,500(มั้ง) รอเครื่อง,Call Sign หยอดกระปุกค่าเครื่องได้พอดี (ไม่ต่ำกว่า6เดือน):P
ก่อนสอบต้องหนังสือเกี่ยวกับวิทยุสมัครเล่น ของท่าน อจ.ขออภัยผมลืมจริงๆ(ที่เป็นตำรวจด้วยอะ)
รหัสQ ,ข้อสอบเก่า,วงจรไฟฟ้า
รุ่นหลัง ผมเรียกว่า ซื้.... ครับ