หัวข้อ: ไล่ออก นศ.พยาบาลติดเอดส์ เริ่มหัวข้อโดย: นาซาว่า โอ๊คคุง ที่ 31 สิงหาคม 2012, 07:25:31 ไล่ออก นศ.พยาบาลติดเอดส์ :""" :""" :""" :"""
(http://upic.me/i/t5/bloodbank.jpg) (http://upic.me/show/8247964) กรณีที่นักศึกษาพยาบาลจำนวน 3 คน ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีที่ถูกมหาวิทยาลัยต้นสังกัดไล่ออก ขณะกำลังศึกษาวิชาชีพพยาบาลในชั้นปีที่ 3 หลังจากพบว่านักศึกษากลุ่มดังกล่าว ติดเชื้อ HIV ล่าสุด รักษาการรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยต้นสังกัดของ 3 นักศึกษาพยาบาลดังกล่าว แจงว่า โดยระเบียบการแล้ว การตรวจโรคของนักศึกษาถือเป็นมาตรฐานของทางมหาวิทยาลัยทุกมหาวิทยาลัย ทางต้นสังกัดต้องตรวจโรคของนักศึกษาพยาบาลตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 อยู่แล้ว และไม่พบปัญหาใด ๆ แต่เมื่อขึ้นชั้นปีที่ 3 นักศึกษาทุกคนก็ต้องออกไปฝึกงาน และต้องสัมผัสกับผู้ป่วยจริง เพราะฉะนั้นทางมหาวิทยาลัยจึงจำเป็นที่จะต้องตรวจโรคซ้ำอีกครั้ง จากการเรียกนักศึกษาทั้ง 3 คน ที่ติดเชื้อเอชไอวีมาพูดคุยอย่างลับ ๆ ตนก็แนะนำว่าให้ย้ายไปเรียนภาควิชาอื่น เนื่องจากนักศึกษา ต้องออกไปฝึกงานและสัมผัสผู้ป่วยขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งหากไม่ย้ายไปเรียนสาขาอื่น ก็ต้องถูกพักการเรียน และทางมหาวิทยาลัยก็ยินดีคืนเงินค่าเทอมให้ในชั้นปีที่ 3 และนักศึกษาทั้ง 3 ราย ก็ได้รับค่าเทอมคืนไปแล้ว แต่สุดท้ายตนก็เพิ่งทราบว่า กลุ่มนักศึกษาดังกล่าวได้เดินทางไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตนขอยืนยันว่าตนไม่ได้ตัดสิทธิ์นักศึกษา แต่ปกป้องสิทธิ์ให้กับผู้ป่วยมากกว่า เพราะหากปล่อยให้นักศึกษาที่มีโรคที่คนทั่วโลกหวาดกลัวออก ไปสัมผัสกับผู้ป่วย แล้วเกิดปัญหาขึ้นภายหลังจะเสียหายมากมายอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ เสียหายทั้งสถานพยาบาล เสียหายทั้งสถาบัน เสียหายทั้ง มหาวิทยาลัย กรณีดังกล่าว ความเป็นจริงแล้วทางมหาวิทยาลัยต้องการปกป้องนักศึกษาทั้ง 3 ราย ซึ่งการตรวจโรคนั้น ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ตรวจเอง แต่ตรวจโดยสถานพยาบาลที่สามารถรับรองผลได้ หากตัวนักศึกษาไม่มั่นใจ ก็สามารถทำการตรวจได้อีกครั้ง และขอใบรับรองการตรวจได้ด้วย ประธานอนุกรรมการคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ คณะกรรมการเอดส์แห่งชาติ เผยเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า การบังคับให้ตรวจเลือดของทางสถาบันถือว่า เป็นการขัดกับหลักการเคารพสิทธิผู้ติดเชื้อเอชไอวี และก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากเมื่อตรวจพบเชื้อเอชไอวี อาจทำให้บุคคลดังกล่าว ถูกจำกัดสิทธิ หรือถูกกีดกันในการเข้าเรียนหรือเข้าทำงานได้ ฉะนั้นการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวี ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะเลือกตรวจหรือไม่ตรวจก็ได้ หากผู้ตรวจสมัครใจตรวจด้วยตัวเองจะต้อง มีความพร้อมด้านจิตใจ และผู้ให้การตรวจจะต้องมีบริการให้คำปรึกษาด้วย ผลตรวจจะต้องรู้เฉพาะผู้ตรวจและผู้รับการตรวจเท่านั้น ไม่ควรส่งต่อไปยังบุคคลที่ 3 หรือผู้บริหารสถานศึกษา หรือนายจ้าง หากผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์จากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ส่วนใหญ่จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงไปอีกหลายสิบปี สำหรับการบังคับตรวจเลือดดังกล่าว ทำให้นักศึกษาไม่มีทางเลือก ตนจึงเห็นว่าควรมีการรณรงค์ให้ประเทศไทยลดการเลือกปฏิบัติ เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้ติดเชื้อเอชไอวี ทางมหาวิทยาลัยมีท่าทีรับฟังคำชี้แจงของทางคณะกรรมการเอดส์แห่งชาติ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขอปรึกษาหารืออีกทีว่าจะเปลี่ยนนโยบายตรวจเลือด เพื่อหาเชื้อเอชไอวีหรือไม่อย่างไร ทางคณะกรรมการจะทำการรณรงค์สร้างความเข้าใจกับผู้บริหารสถานศึกษา และสถานประกอบการในเรื่องดังกล่าวต่อไปในอนาคต เพื่อไม่ให้ เกิดการละเมิดสิทธิผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่มา : http://www.talkystory.com/?p=41573 หัวข้อ: Re: ไล่ออก นศ.พยาบาลติดเอดส์ เริ่มหัวข้อโดย: HS6YKL ที่ 31 สิงหาคม 2012, 08:28:24 น่าเห็นใจครับท่าน
หัวข้อ: Re: ไล่ออก นศ.พยาบาลติดเอดส์ เริ่มหัวข้อโดย: TaMzNaKul3 ที่ 31 สิงหาคม 2012, 08:36:06 คำเดียวเป็นเรื่องแล้วหลาว
หัวข้อ: Re: ไล่ออก นศ.พยาบาลติดเอดส์ เริ่มหัวข้อโดย: pcharana ที่ 31 สิงหาคม 2012, 09:09:44 ติดตั้งสามคน...ทางไหน สัมพัสผู้ป่วย หรือ ทางเพศสัมพันธ์ หรือ.... (ทุกวันนี้โอกาสติดทางเพศสัมพันธ์ มีมากครับ)
หัวข้อ: Re: ไล่ออก นศ.พยาบาลติดเอดส์ เริ่มหัวข้อโดย: iayyai ที่ 04 กันยายน 2012, 00:00:36 เห็นใจครับ ... แต่อย่าลืมครับเป็น hiv คือต้องระวังตัวเอง เพราะภูมิคุ้มกันตัวมันต่ำ ถ้าไปเป็นพยาบาล ต้องอยู่กับคนป่วย สารพัดโรค คนที่ต้องระวังคือคนที่ติดเชื้ออาการจะเป็นหนัก ส่วนคนไข้ก็เสียวครับ
หัวข้อ: Re: ไล่ออก นศ.พยาบาลติดเอดส์ เริ่มหัวข้อโดย: mintra2601 ที่ 10 กันยายน 2012, 08:45:17 ผมงง กับ สิทธิมนุษย์ฯ
แล้วคุณไม่นึกถึงคนป่วยบ้างหรอ เกิดไปสัมผัสน้ำคัดหลังเข้าพลาดพลั้งไป ถ้ามีคนติดจาก พยาบาลพวกนี้ไปล่ะ ขนาดตัวเองยังดูแลให้ปลอดเชื้อไม่ได้ ชีวิตคนอื่น จะดูแลได้อย่างไร ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ย้ายไปทำอย่างอื่นก็ได้ หรือชีวิตนี้ถ้าไม่ได้เป็นพยาบาลจะทำอย่างอื่นไม่ได้เลย ถ้าดันทุรัง ผมว่า เห็นแก่ตัวนะ ;D ขออภัยในบางอารมครับบางทีผมก็เบื่อพวก เรียกร้องแต่สิทธิ์ตัวเอง หัวข้อ: Re: ไล่ออก นศ.พยาบาลติดเอดส์ เริ่มหัวข้อโดย: Familyman ที่ 13 กันยายน 2012, 13:48:11 ผมงง กับ สิทธิมนุษย์ฯ +10 ให้เลยครับ แล้วคุณไม่นึกถึงคนป่วยบ้างหรอ เกิดไปสัมผัสน้ำคัดหลังเข้าพลาดพลั้งไป ถ้ามีคนติดจาก พยาบาลพวกนี้ไปล่ะ ขนาดตัวเองยังดูแลให้ปลอดเชื้อไม่ได้ ชีวิตคนอื่น จะดูแลได้อย่างไร ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ย้ายไปทำอย่างอื่นก็ได้ หรือชีวิตนี้ถ้าไม่ได้เป็นพยาบาลจะทำอย่างอื่นไม่ได้เลย ถ้าดันทุรัง ผมว่า เห็นแก่ตัวนะ ;D ขออภัยในบางอารมครับบางทีผมก็เบื่อพวก เรียกร้องแต่สิทธิ์ตัวเอง หัวข้อ: Re: ไล่ออก นศ.พยาบาลติดเอดส์ เริ่มหัวข้อโดย: นายน้อย ที่ 13 กันยายน 2012, 13:54:21 ผมว่าน่าเห็นใจทั้งฝ่าย ;D ;D
หัวข้อ: Re: ไล่ออก นศ.พยาบาลติดเอดส์ เริ่มหัวข้อโดย: iayyai ที่ 13 กันยายน 2012, 14:01:50 ผมงง กับ สิทธิมนุษย์ฯ เห็นด้วยครับ.. แล้วคุณไม่นึกถึงคนป่วยบ้างหรอ เกิดไปสัมผัสน้ำคัดหลังเข้าพลาดพลั้งไป ถ้ามีคนติดจาก พยาบาลพวกนี้ไปล่ะ ขนาดตัวเองยังดูแลให้ปลอดเชื้อไม่ได้ ชีวิตคนอื่น จะดูแลได้อย่างไร ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ย้ายไปทำอย่างอื่นก็ได้ หรือชีวิตนี้ถ้าไม่ได้เป็นพยาบาลจะทำอย่างอื่นไม่ได้เลย ถ้าดันทุรัง ผมว่า เห็นแก่ตัวนะ ;D ขออภัยในบางอารมครับบางทีผมก็เบื่อพวก เรียกร้องแต่สิทธิ์ตัวเอง หัวข้อ: Re: ไล่ออก นศ.พยาบาลติดเอดส์ เริ่มหัวข้อโดย: jim ที่ 13 กันยายน 2012, 14:18:50 ไล่ออก นศ.พยาบาลติดเอดส์ :""" :""" :""" :""" จากเนื้อหาข่าวจะบอกว่าไล่ออกก็ไม่ถูก เพราะทาง มหาลัยเขาให้ย้ายไปเรียนสาขาอื่น แต่ทั้ง3ไม่ยินยอมทางมหาลัยจึงเสนอทางออก คือ ออกเองโดยที่ทางม.ชดใช้ค่าเล่าเรียน(ไม่รู้ว่าเท่าไหร่และครบหรือไม่)ทั้ง 3 ปีให้แก่ทั้ง 3 ท่าน เพียงแต่ว่าทางผู้เสียหายอาจจะไม่พอใจไม่เห็นด้วย(http://upic.me/i/t5/bloodbank.jpg) (http://upic.me/show/8247964) กรณีที่นักศึกษาพยาบาลจำนวน 3 คน ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีที่ถูกมหาวิทยาลัยต้นสังกัดไล่ออก ขณะกำลังศึกษาวิชาชีพพยาบาลในชั้นปีที่ 3 หลังจากพบว่านักศึกษากลุ่มดังกล่าว ติดเชื้อ HIV ล่าสุด รักษาการรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยต้นสังกัดของ 3 นักศึกษาพยาบาลดังกล่าว แจงว่า โดยระเบียบการแล้ว การตรวจโรคของนักศึกษาถือเป็นมาตรฐานของทางมหาวิทยาลัยทุกมหาวิทยาลัย ทางต้นสังกัดต้องตรวจโรคของนักศึกษาพยาบาลตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 อยู่แล้ว และไม่พบปัญหาใด ๆ แต่เมื่อขึ้นชั้นปีที่ 3 นักศึกษาทุกคนก็ต้องออกไปฝึกงาน และต้องสัมผัสกับผู้ป่วยจริง เพราะฉะนั้นทางมหาวิทยาลัยจึงจำเป็นที่จะต้องตรวจโรคซ้ำอีกครั้ง จากการเรียกนักศึกษาทั้ง 3 คน ที่ติดเชื้อเอชไอวีมาพูดคุยอย่างลับ ๆ ตนก็แนะนำว่าให้ย้ายไปเรียนภาควิชาอื่น เนื่องจากนักศึกษา ต้องออกไปฝึกงานและสัมผัสผู้ป่วยขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งหากไม่ย้ายไปเรียนสาขาอื่น ก็ต้องถูกพักการเรียน และทางมหาวิทยาลัยก็ยินดีคืนเงินค่าเทอมให้ในชั้นปีที่ 3 และนักศึกษาทั้ง 3 ราย ก็ได้รับค่าเทอมคืนไปแล้ว แต่สุดท้ายตนก็เพิ่งทราบว่า กลุ่มนักศึกษาดังกล่าวได้เดินทางไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตนขอยืนยันว่าตนไม่ได้ตัดสิทธิ์นักศึกษา แต่ปกป้องสิทธิ์ให้กับผู้ป่วยมากกว่า เพราะหากปล่อยให้นักศึกษาที่มีโรคที่คนทั่วโลกหวาดกลัวออก ไปสัมผัสกับผู้ป่วย แล้วเกิดปัญหาขึ้นภายหลังจะเสียหายมากมายอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ เสียหายทั้งสถานพยาบาล เสียหายทั้งสถาบัน เสียหายทั้ง มหาวิทยาลัย กรณีดังกล่าว ความเป็นจริงแล้วทางมหาวิทยาลัยต้องการปกป้องนักศึกษาทั้ง 3 ราย ซึ่งการตรวจโรคนั้น ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ตรวจเอง แต่ตรวจโดยสถานพยาบาลที่สามารถรับรองผลได้ หากตัวนักศึกษาไม่มั่นใจ ก็สามารถทำการตรวจได้อีกครั้ง และขอใบรับรองการตรวจได้ด้วย ประธานอนุกรรมการคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ คณะกรรมการเอดส์แห่งชาติ เผยเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า การบังคับให้ตรวจเลือดของทางสถาบันถือว่า เป็นการขัดกับหลักการเคารพสิทธิผู้ติดเชื้อเอชไอวี และก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากเมื่อตรวจพบเชื้อเอชไอวี อาจทำให้บุคคลดังกล่าว ถูกจำกัดสิทธิ หรือถูกกีดกันในการเข้าเรียนหรือเข้าทำงานได้ ฉะนั้นการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวี ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะเลือกตรวจหรือไม่ตรวจก็ได้ หากผู้ตรวจสมัครใจตรวจด้วยตัวเองจะต้อง มีความพร้อมด้านจิตใจ และผู้ให้การตรวจจะต้องมีบริการให้คำปรึกษาด้วย ผลตรวจจะต้องรู้เฉพาะผู้ตรวจและผู้รับการตรวจเท่านั้น ไม่ควรส่งต่อไปยังบุคคลที่ 3 หรือผู้บริหารสถานศึกษา หรือนายจ้าง หากผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์จากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ส่วนใหญ่จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงไปอีกหลายสิบปี สำหรับการบังคับตรวจเลือดดังกล่าว ทำให้นักศึกษาไม่มีทางเลือก ตนจึงเห็นว่าควรมีการรณรงค์ให้ประเทศไทยลดการเลือกปฏิบัติ เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้ติดเชื้อเอชไอวี ทางมหาวิทยาลัยมีท่าทีรับฟังคำชี้แจงของทางคณะกรรมการเอดส์แห่งชาติ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขอปรึกษาหารืออีกทีว่าจะเปลี่ยนนโยบายตรวจเลือด เพื่อหาเชื้อเอชไอวีหรือไม่อย่างไร ทางคณะกรรมการจะทำการรณรงค์สร้างความเข้าใจกับผู้บริหารสถานศึกษา และสถานประกอบการในเรื่องดังกล่าวต่อไปในอนาคต เพื่อไม่ให้ เกิดการละเมิดสิทธิผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่มา : http://www.talkystory.com/?p=41573 หัวข้อ: Re: ไล่ออก นศ.พยาบาลติดเอดส์ เริ่มหัวข้อโดย: HS4WAY ที่ 13 กันยายน 2012, 14:39:14 ผมเห็นด้วยกับความคิดเห็นของ Preawzza Naka ในเว็ป http://www.talkystory.com/?p=41573
ที่ว่า "ให้เป็นพยาบาลดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีก็ได้นะคะ บุคลากรในส่วนนี้หายากอยู่แล้ว" หัวข้อ: Re: ไล่ออก นศ.พยาบาลติดเอดส์ เริ่มหัวข้อโดย: jim ที่ 13 กันยายน 2012, 14:45:12 ผมเห็นด้วยกับความคิดเห็นของ Preawzza Naka ในเว็ป http://www.talkystory.com/?p=41573 แต่อย่าลืมว่าขณะนี้เขาศึกษา สาขาพยาบาล และยังต้องออกไปฝึกงานในสถานที่ที่ให้บริการจริงๆ และถ้าสถานที่นั้นๆเขาไม่ยอมรับละ มันจะกระเทือนทั้งหมดนะครับที่ว่า "ให้เป็นพยาบาลดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีก็ได้นะคะ บุคลากรในส่วนนี้หายากอยู่แล้ว" หัวข้อ: Re: ไล่ออก นศ.พยาบาลติดเอดส์ เริ่มหัวข้อโดย: mintra2601 ที่ 13 กันยายน 2012, 14:47:25 ผมเห็นด้วยกับความคิดเห็นของ Preawzza Naka ในเว็ป http://www.talkystory.com/?p=41573 ที่ว่า "ให้เป็นพยาบาลดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีก็ได้นะคะ บุคลากรในส่วนนี้หายากอยู่แล้ว" อาจจะให้จบ ไม่ได้ แต่ใช้ความรู้ที่มี ทำประโยชน์ได้ หนับหนุน ร้อย เปอร์เซ็นครับ :) Webmaster Earn Money! By Affiliate Program 100% Pay www.samuismile.com |