ขอตอบมั่ง...
สายอากาศ Folded Dipole ปกติเค้าว่ามันมีความต้านทาน 300 โอหม์...
พอเราเอามาวางบนบูมและวางใกล้ ๆ กับเสากลาง (ประมาณ 1/16 แลมด้า ไอ้ระยะนี้ได้มาจากกราฟการทดลองของต่างประเทศครับ อยู่ในหนังสือทำสายอากาศเล่มแดงๆ) ความต้านทานมันจะลดลงมาเหลือประมาณ 100-115 โอห์ม... ถ้าจะเลื่อนให้มันเข้าใกล้เสากลางจนความต้านทานเหลือ 50 โอห์มเลยก็ได้ แต่เกนขยายจะลดลงมามาก และไม่เหมาะสมต่อการนำมาสแต็กกัน... (ถ้าอยากได้ 50 โอห์มเลย แนะนำให้ทำ Dipole ดีกว่าครับ)
ถ้าเราทำอันเดียว ก็เอาห่วง 112.5 โอห์มมาลดความต้านทานด้วยวิธีการต่อสายนำสัญญาณ 75 โอหม์เข้าไป โดยตัดสายนำสัญญาณที่ความยาวเป็นจำนวน N ของ 1/4 แลมด้า เช่น 1/4 , 3/4 , 5/4 , 7/4 ... นำมาต่อกับห่วง 112 โอหม์ ทำให้ปลายสายอีกข้างเหลือความต้านทาน 50 โอหม์(โดยประมาณ)..
ตำราหลายเล่มบอกว่าห่วงที่อยู่บนบูมและวางใกล้เสากลางมีความต้านทาน 100 โอห์ม.. ซึ่งถ้าห่วงมีความต้านทาน 100 โอหม์จริง เราจะต้องใช้สายนำสัญญาณ 72 โอหม์มาต่อ.. แต่บ้านเราหาสาย 72 โอห์มไม่ได้ จึงต้องใช้วิธีปรับระยะห่วงกับเสากลางอีกนิดหน่อยให้ได้ความต้านทาน 112.5 โอหม์...
..สมัยเรียนเคยเล่นสายอากาศ Folded Dipole แบบนี้ครับ.. คือดัดห่วงมาอันเดียว แอบไว้บนดาดฟ้าหอพักแล้วคิดจะซื้อสาย RG58 (สาย 50 โอหม์) ต่อลงมาจากดาดฟ้ามันก็ราคาแพง (ฉะนั้นจึงไม่ต้องคิดถึงสาย RG8 เลย ซึ่งมันแพงกว่าเข้าไปอีก)... ก็เลยเอาสาย RG6 (สาย 75 โอหม์) ซึ่งราคาถูกกว่ามาก (สมัยนั้นถูกกว่าเกือบสี่เท่า) เอามาต่อจากห่วง 112.5 โอห์ม ลงมาจากดาดฟ้าเลย แล้วคำนวณให้ความยาวลง N ของ 1/4 แลมด้า คูณไปเรื่อย ๆ จนได้ระยะจากดาดฟ้าถึงห้องพัก แล้วเข้าหัว BNC ต่อกับเครื่องมือถือ..ใช้งานเลย...
ถ้าเล่นอยู่ความถี่เดียว คูณและวัดความยาว ตัดให้พอดี ความต้านทานปลายสายจะได้ 50 โอห์ม ต่อกับวิทยุได้เลย... แต่แบบนี้ความถี่อื่นจะมีปัญหาเรื่องค่า SWR ครับ..