ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เผยคดีสังหารเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคืบหน้ามาก หลังพบเบาะแสสำคัญผู้คุมร่วมมือนักโทษขาใหญ่ ขณะที่เรือนจำประสานตำรวจตะครุบรถขนนมถั่วเหลืองยี่ห้อดัง หลังมาส่งนมแล้วสอดไส้ยาบ้า 6 พันเม็ด โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ต่อพวงในกล่องนม
กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนสังหารนายออด แซ่ผั่ว เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เสียชีวิตขณะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพักเพื่อไปรับอาหารสำเร็จรูปมาจำหน่ายในร้านค้าสวัสดิการของเรือนจำซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตั้งประเด็นการสืบสวนสวนไปถึงการที่ผู้ตายเข้าไปขัดขวางขบวนการค้ายาเสพติดในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะการค้าประเภทนำยาเข้าไปจำหน่ายให้กับนักโทษด้วยกันในเรือนจำเพื่อเสพในช่วงที่ขึ้นเรือนนอนไปแล้ว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่นอกแถวบางรายร่วมมือกับนักโทษจนนำไปสู่การสังการนายออดหลังจากที่นายออดไปยอมอ่อนข้อให้กับขบวนการนี้
ความคืบหน้าเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 ส.ค. นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ให้ช่วยสกัดรถขนส่งนมกล่องของบริษัทนมถ่าวเหลืองชื่อดังอีซูซูสีขาว ทะเบียน 97-9024 กทม.ซึ่งได้มาส่งนมในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เมื่อช่วงเวลาประมาณเกือบเที่ยงและเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้ตรวจพบยาบ้าและโทรศัพท์ซุกซ่อนอยู่ในกล่องนม จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับ
หลังรับแจ้ง ร.ต.ต.รังสิต จินตรักษ์ ร้อยเวรสภ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ได้นำกำลังพร้อมอาวุธครบมือไล่ติดตามรถคันดังกล่าวได้ที่บริเวณสามแยกนาพรุ ต.นาพรุ อ.พระพรหม โดยมีผู้นั่งอยู่ในรถทั้งหมด 4 คน จึงได้ควบคุมตัวมายังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช โดยทราบชื่อเจ้าหน้าที่ที่มากับรถขนส่งนม คือ นายอภิชาต เทียมสานุจิตร นายวาริน จูประจบ นายรณชัย ศักดิ์ดวง และนายจักรพงษ์ จังแต
ทั้ง 4 คนได้ปฎิเสธไม่รู้เห็นกับสิ่งของดังกล่าว โดยได้บอกว่า มาส่งของแทนพนักงานที่มีหน้าที่ส่งตามปกติ เนื่องจากเจ้าหน้าที่คนเดิมลาป่วย จึงมาทำหน้าที่แทน แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อจึงได้ควบคุมตัวเพื่อตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
จากการตรวจสอบนมกล่องซึ่งรถขนส่งนมได้นำมาส่งจำนวน 200 ลังๆละ 30 กล่อง รวมทั้งหมด 6 พันกล่องและจากการแกะกล่องนมพบมียาบ้าซุกซ่อนในถุงพลาสติกและใส่ในถุงยางอนามัยก่อนจะยัดส่งกล่องนมโดยยาบ้าถุงละ 200 เม็ดพบทั้งหมดประมาณ 6 พันเม็ด และพบซิมโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ต่อพว่งประเภทหูฟัง แบตเตอร์รี่กว่า 10 ชุด
ขณะเดียวกันนั้นพล.ต.ต.สุรพล ประเสริฐรองผบ.ช.ตชด.ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมกำลังตชด.ที่ประจำอยู่ที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช โดยได้ร่วมตรวจสอบกล่องนมที่แอบนำเข้ามาในเรือนจำด้วยพร้อมกันนั้น พล.ต.ต.สุรพล ระบุว่าจะจัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่มาสมทบเพิ่มเติมเพื่อดูแลและป้องกันสิ่งของต้องห้ามและจะจัดส่งสุนัขสงครามมาประจำที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช 1ตัวเพื่อช่วยในการดมกลิ่นยาเสพติด เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยเหลือกัน
ด้านพล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลทั้งหมด และเอาผู้เชี่ยวชาญมาถอดกล้องวงจรปิดที่น่าจะจับภาพคนร้ายที่ตามหลังผู้ตายมาได้ ส่วนพยานบุคคลได้นำผู้ที่เกี่ยวข้องในกลุ่มผู้ต้องสงสัยมาสอบแล้ว 3 รายและยังมีข้อสงสัยที่สำคัญคือการจับยาครั้งสุดท้ายโดยผู้ตายเมื่อวันที่ 30 ก.ค.แต่มาแจ้งความเอาผิดเมื่อวันที่ 17 ส.ค.เป็นเวลา 18 วันช้ามาก มีข้อมูลระหว่างนั้นมีการต่อรองของเจ้าหน้าที่ไม่ให้มีการแจ้งความดำเนินคดี และเมื่อวันที่ 17 แจ้งความ มาวันที่ 18 นายออดถูกยิง
“ขบวนการนี้ไม่ได้แยกคนนอกหรือเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้มีทั้งนักโทษ เจ้าหน้าที่ คนนอก ช่วงหลังยาที่ผ่านข้ามกำแพงมีน้อยลงมาก แต่การนำเข้ามาทางด้านหน้านั้นมีเล้ดรอดมาอยู่โดยการยัดไส้ของฝากมากับนักโทษเช่นยา อาหารที่ยังเป็นปัญหา เจ้าหน้าที่ที่สู้และกล้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่มีไม่กี่คนรวมทั้งผู้ตายที่เป็นหนึ่งในนั้น ข้อเท็จจริงแล้วนั้นบอกตรงว่าเราไม่ทราบข้อมูลการข่มขู่เจ้าหน้าที่เลย ถ้าทราบเราจัดชุดหาข่าวในเบื้องต้น ตัวเขาถึงขั้นบ่นจะลาออกบ่นว่าไม่ไหวแล้วคนที่ทำดีไม่มีใครช่วยเหลือดุแลปัญหานี้จะเข้าไปคุยว่าเจ้าหน้าที่มีความเสี่ยงกี่คนจะไปดุแลกันอย่างไร และหารือ ผวจ.เพื่ออนุญาตให้เจ้าหน้าที่พกอาวุธปืน” พล.ต.ต.รณพงศ์ กล่าวและว่า
เมื่อเช้าที่ผ่านมามีข้อมูลเข้ามาว่ามือปืนนั้นน่าจะเป็นนักโทษที่พ้นโทษออกมาแล้วเป็นคนลงมือ โดยที่ได้รับการสั่งการมาจากข้างในก่อนออกมาแล้ว เรื่องนี้ไม่ยากมากเพราะเรารู้กลุ่มปัญหาชัดเจนและผู้ตายรวมทั้งครอบครัวเป็นคนดีมากดีทั้งครอบครัว
“ผมจะรุกอย่างเต็มที่ไม่มีแผ่วถ้าแผ่วฝ่ายตรงข้ามได้ใจเมื่อเห็นว่ามายิงเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ช่วยเรา พวกนั้นจะเหิมขึ้นมาเราจะรุกอย่างต่อเนื่องที่เราเดินช้านั้นฝ่ายรัฐไม่ได้รุกเท่าที่ควรในส่วนตัวนั้นจะหาวิธีการจะเข้าไปดำเนินการทั้งในเรือนจำและนอกเรือนจำให้เข้มข้นกว่านี้ ขาใหญ่ที่ตั้งค่าหัวผมนั้นได้ไปหารือล่าสุดนั้นศาลตัดสินเพิ่มโทษในเรื่องโทรศัพท์ ขาใหญ่จริงๆนั้นมี 20 คนและ 1 ในนั้นเกี่ยวพันกับการยิงนายออด" พล.ต.ต.รณพงศ์ กล่าว
ปัตตานีจับ2ผู้ต้องหาเครือข่ายยารายสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายของวันที่ 20 ส.ค. ตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ภ.จว.ปัตตานี นำโดย พ.ต.อ.สกนธ์ อนนท์รัตน์ ผกก.สส.ภ.จว.ปัตตานี นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมและขยายผลติดตามจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ จ.ปัตตานี ได้จำนวน 2 ราย ผู้ต้องหา 2 คน ประกอบด้วย นายนิอามาน จะปะกิยา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ม.6 ต.ปุยุด อ.เมือง จ.ปัตตานี และนายซุลคิฟลี บัวหลวง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 ม.6 ต.ปุยุด อ.เมือง จ.ปัตตานี พร้อมของกลางยาบ้า 6,016 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ทำการตรวจยึดทรัพย์สิน เพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ เป็นเงินสด รวม 280,000 บาท
การจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว เจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่บริเวณภายในซอยตรงข้ามสถานีอนามัยตะลุโบะ ม.3 ต.ตะลุโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี และจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 23 ม.6 ต.ปุยุด อ.เมือง จ.ปัตตานี
ส่วนการจับกุม 2 ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดทั้งสองรายได้นั้น สืบเนื่องจากชุดจับกุมสืบทราบว่า ทั้งสองคน มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับเครือข่ายเยาวชนในพื้นที่ จ.ปัตตานี จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ดังกล่าว ก่อนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ขณะที่เครือข่ายที่เหลือ ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุม
ส่วนอีกราย พ.ต.อ.ต่วนเดร์ จุฑานันท์ ผกก.สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ร่วมกับกำลังเจ้าหน้าที่ ปปส.ศชต. ร่วม 50 นาย เข้าทำการปิดล้อม ตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 70 บ.เมาะมาวี ม.3 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งผลจากการตรวจค้น ได้ทำการควบคุมตัวนายดอเลาะ สาราวะ อายุ 56 ปี ที่กำลังพักผ่อนอยู่ภายในบ้านพักหลังดังกล่าว และตรวจพบของกลางยาบ้า 2,053 เม็ด เงินสดอีก 150,000 บาท จึงควบคุมตัวนายดอเลาะ พร้อมของกลางส่งร้อยเวร สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คนอ่าน 827 คน