nTNC กับการพัฒนาและประยุกต์ใช้งาน

[nop2p]

nTNC Evaluatiion V1 ทำการคอนฟิกเสร็จแล้ว ปิดโปรแกรม จากนั้นเปิดโปรแกรม เลือก connect > Config > Read All แล้วไม่แสดงข้อมูลที่เคยคอนฟิกไป เป็นที่อะไรครับ เพราะตอนคอนฟิกก็แสดงข้อความ Send Config to nTNC Finish

สาย null modem ที่ต่อใช้งาน
2 - 3
3 - 2
5 - 5

ก่อนจะไปคอนฟิกซ์ตั้งค่าใด ๆ ดูในแท็บ System ก่อนว่าท่านได้เลือกพอร์ตถูกไหม ? แล้วกดปุ่ม Connect เพื่อใช้งานคอมพอร์ตก่อนครับ
ส่วนการต่อสายนั้น ต่อตรงเลยครับ 2-2,3-3,5-5 หรือพูดง่าย ๆ ก็คือสายพ่วงที่ขายทั่วไป ถ้าเป็นพวกสาย USB->Serial ก็เอามาเสียบใช้ได้เลย
ถ้าคอมฯท่านมีพอร์ตแบบ DB9 อยู่แล้วก็ใช้สายพ่วงหัวผู้ท้ายเมีย ได้เลยครับ

ข้อมูลเพิ่มเติมครับ
1. สายเป็นแบบ 2-2,3-3,5-5 ครับ ตอนแรกดูผิดว่าเป็น 2-3,3-2 สายเขาทำมาให้เป็น หัวตัวเมีย และอีกด้านมีสองหัว เป็นหัวตัวผู้และหัวตัวเมีย (ตัวเมีย-ตัวเมีย ไขว้สาย ,ตัวเมีย-ตัวผู้ ต่อตรง)
2. ที่หน้า System ค่า port และ Baud rate ตรงกันกับค่า Communications port ของเครื่อง ผมตั้งเป็น 9600
3. กดปุ่ม setup ไฟ status กระพริบ พอโปรแกรมแสดง Send Config to nTNC Finish ไฟก็หยุดกระพริบ ส่วนเวลากด Read All ไฟ Status กระพริบแล้วก็ดับ แต่ไม่มีข้อมูลขึ้นมาแสดง
4. จากนั้นผมก็เลยลองอัพเดตเฟริม์แวร์โดยใช้ไฟล์ nTNC_EvalFirmwareV05 ตามขั้นตอนปรากฏว่า status : ERROR! nTNC NOT Response
 จากนั้นผมก็ถอดแจค DC ปิดโปรแกรม และทำตามข้อ 2,3 อีกครั้งคราวนี้ ตอนกดปุ่ม setup ไฟ status ติดด้าง พอโปรแกรมแสดง Send Config to nTNC Finish อีกประมาณ 3-5 วิไฟ status ก็ดับ และกดปุ่ม Read All ไฟ Status ก็ติดค้างประมาณ 8-10 วินาทีก็ดับ แต่ไม่มีข้อมูลขึ้นมาแสดง

*** สงสัยอาการไฟ status ขณะอ่าน-เขียนข้อมูลมันกระพริบหรือติดค้างครับ เพราะก่อนหน้าไฟกระพริบ แต่พออัพเดต Firmware Error ก็ติดค้าง ลองปรับค่า Baud rate เป็น 115200 ก็มีอาการติดค้างเหมือนกัน


ผมว่าจะหาสาย USB->Serial มาลองครับ

[HS5TQA]

nTNC Evaluatiion V1 ทำการคอนฟิกเสร็จแล้ว ปิดโปรแกรม จากนั้นเปิดโปรแกรม เลือก connect > Config > Read All แล้วไม่แสดงข้อมูลที่เคยคอนฟิกไป เป็นที่อะไรครับ เพราะตอนคอนฟิกก็แสดงข้อความ Send Config to nTNC Finish

สาย null modem ที่ต่อใช้งาน
2 - 3
3 - 2
5 - 5

ก่อนจะไปคอนฟิกซ์ตั้งค่าใด ๆ ดูในแท็บ System ก่อนว่าท่านได้เลือกพอร์ตถูกไหม ? แล้วกดปุ่ม Connect เพื่อใช้งานคอมพอร์ตก่อนครับ
ส่วนการต่อสายนั้น ต่อตรงเลยครับ 2-2,3-3,5-5 หรือพูดง่าย ๆ ก็คือสายพ่วงที่ขายทั่วไป ถ้าเป็นพวกสาย USB->Serial ก็เอามาเสียบใช้ได้เลย
ถ้าคอมฯท่านมีพอร์ตแบบ DB9 อยู่แล้วก็ใช้สายพ่วงหัวผู้ท้ายเมีย ได้เลยครับ

ข้อมูลเพิ่มเติมครับ
1. สายเป็นแบบ 2-2,3-3,5-5 ครับ ตอนแรกดูผิดว่าเป็น 2-3,3-2 สายเขาทำมาให้เป็น หัวตัวเมีย และอีกด้านมีสองหัว เป็นหัวตัวผู้และหัวตัวเมีย (ตัวเมีย-ตัวเมีย ไขว้สาย ,ตัวเมีย-ตัวผู้ ต่อตรง)
2. ที่หน้า System ค่า port และ Baud rate ตรงกันกับค่า Communications port ของเครื่อง ผมตั้งเป็น 9600
3. กดปุ่ม setup ไฟ status กระพริบ พอโปรแกรมแสดง Send Config to nTNC Finish ไฟก็หยุดกระพริบ ส่วนเวลากด Read All ไฟ Status กระพริบแล้วก็ดับ แต่ไม่มีข้อมูลขึ้นมาแสดง
4. จากนั้นผมก็เลยลองอัพเดตเฟริม์แวร์โดยใช้ไฟล์ nTNC_EvalFirmwareV05 ตามขั้นตอนปรากฏว่า status : ERROR! nTNC NOT Response
 จากนั้นผมก็ถอดแจค DC ปิดโปรแกรม และทำตามข้อ 2,3 อีกครั้งคราวนี้ ตอนกดปุ่ม setup ไฟ status ติดด้าง พอโปรแกรมแสดง Send Config to nTNC Finish อีกประมาณ 3-5 วิไฟ status ก็ดับ และกดปุ่ม Read All ไฟ Status ก็ติดค้างประมาณ 8-10 วินาทีก็ดับ แต่ไม่มีข้อมูลขึ้นมาแสดง

*** สงสัยอาการไฟ status ขณะอ่าน-เขียนข้อมูลมันกระพริบหรือติดค้างครับ เพราะก่อนหน้าไฟกระพริบ แต่พออัพเดต Firmware Error ก็ติดค้าง ลองปรับค่า Baud rate เป็น 115200 ก็มีอาการติดค้างเหมือนกัน


ผมว่าจะหาสาย USB->Serial มาลองครับ

2. ที่หน้า System ค่า port และ Baud rate ตรงกันกับค่า Communications port ของเครื่อง ผมตั้งเป็น 9600
ตอบ ความเร็วนั้นท่านต้องเปลี่ยนไปตามที่ได้กำหนดความเร็วใหม่ให้กับ nTNC ไปแล้วด้วยนะครับ (ความเร็ว 9600bps จะเป็นค่าคงที่ใช้ตอนอับเกรดเฟิร์มแวร์เท่านั้น)

3. กดปุ่ม setup ไฟ status กระพริบ พอโปรแกรมแสดง Send Config to nTNC Finish ไฟก็หยุดกระพริบ ส่วนเวลากด Read All ไฟ Status กระพริบแล้วก็ดับ แต่ไม่มีข้อมูลขึ้นมาแสดง
ตอบ ถ้ากดปุ่ม SETUP ALL ไปแล้ว มากดปุ่ม READ ALL มันจะไม่มีอะไรขึ้นและเปลี่ยนแปลงถ้าข้อมูลถูกต้อง ให้ลองไปที่เมนู File->New แล้วเลือกการตั้งค่าใหม่สักอย่างหนึ่ง แล้วกด READ ALL ใหม่ แล้วดูว่าข้อมูลการตั้งค่าต่าง ๆ มันกลับไปตามที่ตั้งไว้เมื่อกี้ไหม ?

4. จากนั้นผมก็เลยลองอัพเดตเฟริม์แวร์โดยใช้ไฟล์ nTNC_EvalFirmwareV05 ตามขั้นตอนปรากฏว่า status : ERROR! nTNC NOT Response
ตอบ การอับเกรดเฟิร์มแวร์เข้าไปใหม่ ให้ตั้งความเร็วไปที่ 9600 กดปุ่ม Connect ทดสอบโดยคลิ๊กที่แท็บ Terminal แล้วเสียบไฟเข้า ท่านควรจะเห็นตัวอักษร Bootloader ขึ้นในหน้าจอดำ ๆ ถ้าขึ้นมาไม่สมบูรณ์หรือไม่ขึ้นเลย ให้ตรวจสอบสาย RS232 หรือคอมพอร์ตว่ามีการใช้งานชนกันในโปรแกรมหรือไม่อย่างไร ? ถ้าขึ้น เห็นข้อความ Version แสดงว่าตัวเฟิร์มแวร์คงใช้ความ 9600 อยู่ ก็สามารถไปทำการอับเกรดเฟิร์มแวร์ใหม่หรือ Config ค่าต่าง ๆ ต่อไปได้เลย หรือลองพิมพ์ DISP กดปุ่ม Send ก็จะแสดงผลการตั้งค่าต่าง ๆ ขึ้นมาให้เห็นได้เช่นกัน แต่ถ้าหากหลัง BootLoader เห็นเป็นขยะ แสดงว่าเปลี่ยนความเร็วเป็นความเร็วอื่นไปแล้ว แต่ถ้าจะอับเกรดได้เลย ส่วนการ Config จะไม่ได้ผล ท่านต้องไปเปลี่ยนความเร็วเชื่อมต่อใน System ใหม่ให้ตรงตามที่ได้ตั้งไว้ก่อนหน้านั้น (ส่วนใหญ่ที่ผมแนะนำให้เป็น 115200 สำหรับโหมด TNC และแทรกเกอร์ตาม GPS 4800/9600)

[supichan]

สวัสดีครับ
ผมเอา nTNC มาลองเปลี่ยนใส่ในระบบทดลองดู  ดูแล้วน่าจะทำงานได้ดีครับ คือน่าจะรับได้ไวกว่า MiniTnc ทีผมใช้อยู่
 IGate  ผมใช้ Arduino + w5100 ethernet + MiniTnc  ตอนนี้ ลองต่อ nTNC เข้าไปแทน ครับ ต้องรอดูผลการรับซักระยะนึง

และ SAB Track ก็ใช้ Arduino + MiniTnc ตอนนี้ก็ ใส่ nTNC เข้าไปแทน และ บิ้ลอิน GPS เข้าไปด้วยเลย

ตอนนี้การทำงาน ติดขัดอยู่ที่ การส่งคำสั่งไป initial nTNC ตอนเริ่มทำงานครับ  ผมสังเกตุว่า พวก UI-View  APRSD หรือ โปรแกรมหลายตัว เวลาเริ่มต้น initial คำสั่งไปสั่ง TNC ตรง MYCALL นี่จะส่งไปทั้ง Call sign + SSID ไปเลย แต่ ตอนนี้ nTNC รับแยกกันด้วย MYCALL และ SSID ตรงนี้มีเหตุผลการออกแบบไหมครับ? แล้วถ้าหากเฟิร์มแวร์รุ่นต่อไป จะปรับไปใช้เป็น Call sign + SSID ไปเลย จะพอเป็นไปได้ไหมครับ แห๊ะๆ แต่ตอนนี้ก็ลองปรับโปรแกรมไป initial โดยแยก MYCALL และ SSID แต่ถ้ารวมกันได้เลยก็ดีครับ

แล้วก็ขออนุญาตด้วยเลยครับ ว่าขอเอา nTNC ไปรวมอยู่ใน SAB Track ด้วยน่ะครับ 

[HS5TQA]

สวัสดีครับ
ผมเอา nTNC มาลองเปลี่ยนใส่ในระบบทดลองดู  ดูแล้วน่าจะทำงานได้ดีครับ คือน่าจะรับได้ไวกว่า MiniTnc ทีผมใช้อยู่
 IGate  ผมใช้ Arduino + w5100 ethernet + MiniTnc  ตอนนี้ ลองต่อ nTNC เข้าไปแทน ครับ ต้องรอดูผลการรับซักระยะนึง

และ SAB Track ก็ใช้ Arduino + MiniTnc ตอนนี้ก็ ใส่ nTNC เข้าไปแทน และ บิ้ลอิน GPS เข้าไปด้วยเลย

ตอนนี้การทำงาน ติดขัดอยู่ที่ การส่งคำสั่งไป initial nTNC ตอนเริ่มทำงานครับ  ผมสังเกตุว่า พวก UI-View  APRSD หรือ โปรแกรมหลายตัว เวลาเริ่มต้น initial คำสั่งไปสั่ง TNC ตรง MYCALL นี่จะส่งไปทั้ง Call sign + SSID ไปเลย แต่ ตอนนี้ nTNC รับแยกกันด้วย MYCALL และ SSID ตรงนี้มีเหตุผลการออกแบบไหมครับ? แล้วถ้าหากเฟิร์มแวร์รุ่นต่อไป จะปรับไปใช้เป็น Call sign + SSID ไปเลย จะพอเป็นไปได้ไหมครับ แห๊ะๆ แต่ตอนนี้ก็ลองปรับโปรแกรมไป initial โดยแยก MYCALL และ SSID แต่ถ้ารวมกันได้เลยก็ดีครับ

แล้วก็ขออนุญาตด้วยเลยครับ ว่าขอเอา nTNC ไปรวมอยู่ใน SAB Track ด้วยน่ะครับ 

ดีใจมากเลยที่ได้นำไปพัฒนาต่อยอดครับ ปัญหาที่แจ้งมาจริง ๆ มันควรจะทำได้ทั้งสองแบบครับ แต่สงสัยจะติดบัค

โค๊ด:

if (!strncmpf(&str[0], "MYCALL",6)){       
                    if(count>8){
                    j=0;
                    for(i=0;i<sizeof(save_mycall);i++) save_mycall[i]=0;
                    for(i=0;i<15;i++){                     
                        if(str[i+7]<0x30) continue;
                        if(str[i+7]=='-'){ 
                            save_mycall[j++]=0;
                            //myssid=atoi(&str[i+8]);
                            str[0]=str[i+8];
                            if((str[i+9]>47) && (str[i+9]<58)){ //0-9
                                str[1]=str[i+9];
                                str[2]=0;    
                            }else{       
                                str[1]=0;
                            }
                            myssid=atoi(&str[0]);
                            if(myssid>15) myssid=0;
                            break;
                        }
                        save_mycall[j++]=str[i+7]; 
                        if(str[i+7]==0x00) break;
                    }                    
                    for(i=0;i<sizeof(mycall);i++) mycall[i]=save_mycall[i];  
                    //mycall[i]=0;
                    }
                    /*
                    if(ECHO){ 
                        for(i=0;i<sizeof(mycall);i++) mycall[i]=save_mycall[i];
                        printf("SET MYCALL \"%s\"\r\n",mycall);
                    } 
                    */                                                            
                }else if (!strncmpf(&str[0], "SSID",4)){       
                    if(count>5){
                        j=0;
                        myssid=0;
                        myssid=atoi(&str[i+5]);
                    } 
                    /*
                    if(ECHO){  
                        printf("SET SSID \"-%d\"\r\n",myssid);
                    } 
                    */                                                            
                }

[pracha51]

SABmini รวมร่างกับ nTNC-Module แล้วครับ

[HS5TQA]

อับเดทสถานะกันหน่อยนะครับ
ปัจจุบันอุปกรณ์ nTNC-Module V.1 มีวัสดุอุปกรณ์มาพร้อมประกอบครบแล้วครับ
ท่านใดต้องการสั่งมาได้เลย(โทร.0894757880) ประกอบให้ตามออร์เดอร์ครับผม



อ้างอิงราคาในเว็บ http://aprs.nakhonthai.net/

[samila]

อับเดทสถานะกันหน่อยนะครับ
ปัจจุบันอุปกรณ์ nTNC-Module V.1 มีวัสดุอุปกรณ์มาพร้อมประกอบครบแล้วครับ
ท่านใดต้องการสั่งมาได้เลย(โทร.0894757880) ประกอบให้ตามออร์เดอร์ครับผม

:

จะเอาตัวที่เสียบบน Raspberry Pi อะ.. ลัดคิวได้ป่าว.. อิ..  อิ..
 

[supichan]

สวัสดีครับ

ผมมีปัญหาเล็กน้อย ดังนี้ครับ
ผมใช้ nTNC v0.5
สมมติตั้งค่าตัว nTNC ดังนี้
MYCALL ABCD
SSID 1
PATH WIDE1-1
TNC ON
DIGI ON
TRACKER OFF
LOG OFF
BEACON 0

สิ่งที่ทดลองคือ

ผมต้องการส่ง Third Pary โดยผม ส่ง ตัวหนังสือ ดังนี้ }XYZ-1>CQ:TEXT

ผมใช้ TNC อีกตัว รับดู ผลคือ ได้เป็น XYZ-1>CQ:TEXT
ซึ่ง เครื่องหมาย } นำหน้า ก็ไม่มาด้วยครับ

ซึ่งที่จริง แล้วควรจะเป็นดังนี้
ABCD-1>APNN05,WIDE1-1:}XYZ-1>CQ:TEXT

ซึ่งมันน่าจะต้องมี  ABCD-1>APNN05,WIDE1-1:  ( CALL และ PATH Igate มาด้วย )

ซึ่งในคำแนะนำตาม mannual ของ nTNC  ต้องให้ใช้ รูปแบบเต็ม ซึ่งผมว่า มันไม่สะดวกหรือเปล่า เพราะ เราต้องมาใส่ CALL + PATH ของ IGATE TNC เอง ทุกครั้ง ทั้งๆที่จริงๆ มันถูกตั้งค่าไว้ใน nTNC อยู่แล้ว
  เพราะว่า การส่งแบบปกติ เวลาใส่ Third Pary เราใส่แค่ } ในส่วนที่เป็น Information เท่านั้น  แล้ว ตอนที่ แพ็กเกต จริง ส่งออกไป ก็จะเติม MYCALL>PATH:}Information(original) ลงไปให้เอง ซึ่งผมเข้าใจว่าใน APRS ref. ก็น่าจะเป็นแบบนี้น่ะครับ
ตามนี้ http://www.aprs-is.net/IGateDetails.aspx

 IGates must not modify paths of packets gated to APRS-IS except to append ,qAR,IGATECALL (IGATECALL = the callsign-SSID of the IGate). Packets containing TCPIP or TCPXX in the header or 3rd-party header should not be gated to APRS-IS (see above).

IGates must use the 3rd-party format on RF of
IGATECALL>APRS,GATEPATH}FROMCALL>TOCALL,TCPIP,IGATECALL*:original packet data
where GATEPATH is the path that the gated packet is to follow on RF. This format will allow IGates to prevent gating the packet back to APRS-IS.

ถ้าแก้ไขได้น่าจะสะดวกขึ้นอีก  คือถ้าเราจะใช้ Third Party  เรา ส่งแค่ ข้อความ }ทดสอบ
แต่ แพ็กเกตจริงที่ส่งออกไปจะเป็น ABCD-1>APNN05,WIDE1-1:}ทดสอบ     ออกไปให้ โดยเติม CALL Igate ให้เองอัติโนมัติ

อ้อลืมไปอีกอย่างครับ ตกลงว่า กรณีสั่ง MYCALL  ABCD-1  แล้วมันไม่ได้ โดยต้องแยกไปสั่ง SSID ต่างหาก นี่ ตกลงเป็น Bug ใช่ไหมครับ งั้นก็ firmware รุ่นต่อไป นี่สั่ง MYCALL  ABCD-1 ได้เลยใช่ไหมครับ
ขอบคุณครับ 

[HS5TQA]

สวัสดีครับ

ผมมีปัญหาเล็กน้อย ดังนี้ครับ
ผมใช้ nTNC v0.5
สมมติตั้งค่าตัว nTNC ดังนี้
MYCALL ABCD
SSID 1
PATH WIDE1-1
TNC ON
DIGI ON
TRACKER OFF
LOG OFF
BEACON 0

สิ่งที่ทดลองคือ

ผมต้องการส่ง Third Pary โดยผม ส่ง ตัวหนังสือ ดังนี้ }XYZ-1>CQ:TEXT

ผมใช้ TNC อีกตัว รับดู ผลคือ ได้เป็น XYZ-1>CQ:TEXT
ซึ่ง เครื่องหมาย } นำหน้า ก็ไม่มาด้วยครับ

ซึ่งที่จริง แล้วควรจะเป็นดังนี้
ABCD-1>APNN05,WIDE1-1:}XYZ-1>CQ:TEXT

ซึ่งมันน่าจะต้องมี  ABCD-1>APNN05,WIDE1-1:  ( CALL และ PATH Igate มาด้วย )

ซึ่งในคำแนะนำตาม mannual ของ nTNC  ต้องให้ใช้ รูปแบบเต็ม ซึ่งผมว่า มันไม่สะดวกหรือเปล่า เพราะ เราต้องมาใส่ CALL + PATH ของ IGATE TNC เอง ทุกครั้ง ทั้งๆที่จริงๆ มันถูกตั้งค่าไว้ใน nTNC อยู่แล้ว
  เพราะว่า การส่งแบบปกติ เวลาใส่ Third Pary เราใส่แค่ } ในส่วนที่เป็น Information เท่านั้น  แล้ว ตอนที่ แพ็กเกต จริง ส่งออกไป ก็จะเติม MYCALL>PATH:}Information(original) ลงไปให้เอง ซึ่งผมเข้าใจว่าใน APRS ref. ก็น่าจะเป็นแบบนี้น่ะครับ
ตามนี้ http://www.aprs-is.net/IGateDetails.aspx

 IGates must not modify paths of packets gated to APRS-IS except to append ,qAR,IGATECALL (IGATECALL = the callsign-SSID of the IGate). Packets containing TCPIP or TCPXX in the header or 3rd-party header should not be gated to APRS-IS (see above).

IGates must use the 3rd-party format on RF of
IGATECALL>APRS,GATEPATH}FROMCALL>TOCALL,TCPIP,IGATECALL*:original packet data
where GATEPATH is the path that the gated packet is to follow on RF. This format will allow IGates to prevent gating the packet back to APRS-IS.

ถ้าแก้ไขได้น่าจะสะดวกขึ้นอีก  คือถ้าเราจะใช้ Third Party  เรา ส่งแค่ ข้อความ }ทดสอบ
แต่ แพ็กเกตจริงที่ส่งออกไปจะเป็น ABCD-1>APNN05,WIDE1-1:}ทดสอบ     ออกไปให้ โดยเติม CALL Igate ให้เองอัติโนมัติ

อ้อลืมไปอีกอย่างครับ ตกลงว่า กรณีสั่ง MYCALL  ABCD-1  แล้วมันไม่ได้ โดยต้องแยกไปสั่ง SSID ต่างหาก นี่ ตกลงเป็น Bug ใช่ไหมครับ งั้นก็ firmware รุ่นต่อไป นี่สั่ง MYCALL  ABCD-1 ได้เลยใช่ไหมครับ
ขอบคุณครับ  

กรณี 3rd-party นั้น จากตัวอย่างใน ref. จะเห็นว่ามันยาวมาก เพราะมันส่งเฮดเดอร์ของไอเก็ตตัวเอง และเฮดเดอร์ต้นทางพร้อมกับข้อมูลไปด้วย ส่วนใหญ่ใช้งานสำหรับสถานีที่เป็น Inet to RF เช่นเดียวกับตัวอย่างละครับ ทีนี้ปัญหามันมีว่า ระยะทางมันขึ้นกับไอเก็ตที่ส่งออกไป ไม่ได้ขึ้นกับต้นทางเป็นผู้กำหนด อีกทั้งพอใช้งานจริง ๆ ข้อความมันยาวเกินไป digi/tnc บางรุ่นบัฟเฟอร์ไม่พอทำงานไม่ได้ (nTNC ส่งได้ 300ตัวอักษร) ดังนั้นก็เลยแหวกแนวนิดหนึ่ง ตัดต่อเฮดเดอร์มันไปเลยเพื่อให้มันสั้นลงและควบคุมระยะทางจากผู้ส่งด้วยครับ

กรณีที่ต้องการส่งข้อมูลใด ๆ ออกไป เมื่อกำหนดนามเรียกขานต้นทางและเส้นทางแล้ว ก็สามารถใช้รูปแบบข้อความโปรโตคอล APRS ส่งออกไปได้เลยครับ เช่น
ส่งข้อความสเตตัส
>message
ข้อมูลที่ส่งออกไปจะได้ ABCD-1>APNN05,WIDE1-1:>message

ส่งข้อความ
:HS5TQA-4 :message

ส่งข้อมูลดาต้าล๊อกเกอร์
T#743,0.0,0.0,0.0,0.0,0.0,00000000

ส่งตำแหน่ง
!1736.98NI10042.25E& WX+IGATE APRS ON FraiendlyARM
=1736.98NI10042.25E& WX+IGATE APRS ON FraiendlyARM

ส่งข้อมูลตรวจอากาศ
(แอท)191540z1741.57N/10033.53E_120/000g...t073r000p002P002L005h94b10129
_120/000g...t073r000p002P002L005h94b10129

ส่งข้อมูลแบบ 3rd-party(ส่งเต็มรูปแบบพร้อมเฮดเดอร์) เราสามารถใช้ nTNC เพียงตัวเดียวส่งนามเรียกขานและเส้นทางได้หลายรูปแบบ
}100200-6>APNAWS,TCPIP*,100200-3*:_148/002g0002t0086r0000p0000l0000h074b10080
}HS5TQA-1>APRSTH,RFONLY:!1736.98NI10042.25E& WX+IGATE APRS ON FraiendlyARM
}HS5TQA-1>APRSTH,WIDE1-1,WIDE2-2:!1736.98NI10042.25E& WX+IGATE APRS ON FraiendlyARM

ในส่วนของ 3rd-party หรือจะเรียกกว่า Full Packet จะดีกว่า ที่ใช้งานจริงผมมักเอา nTNC+วิทยุ เพียงชุดเดียว มาทำสถานีดิจิ กับ WX ผลที่ได้คือ ได้ไอคอนและสถานีแสดงผลข้อมูล 2สถานี เหมือนมี TNC+วิทยุ 2ชุดแยกกัน แต่จริงๆ มีเพียงชุดเดียวที่ทำงานร่วมกัน 2งาน(digi/wx)

ดังนั้นจะสังเกตุว่า nTNC มันจะจับตัวอักษรตัวแรกว่าเป็นรูปข้อมูลชนิดใดตามโปรโตคอล APRS ซึ่งทั้งหมดจะมีดังนี้

โค๊ด:

case '}': // Third-party traffic Send My APRS             
case '!': // Position without timestamp
case ':': //Message
case '#': //U-II WX
case ')': //Item
case '*': // U-II WX
case '/': // Position with timestamp
case ';': //Oject
case '=': //Position without timestamp
case '<': //Station Capaliblities
case '>': //Status
case '?': //Query
case '(แอท)': //Position with timestamp
case 'T': //Telemetry data
case '[': //Maidenhead grid locator beacon
case '_': //Weather Report
case '{': //User-Defined APRS
case '$': //Raw GPS 

ส่วน MYCALL  ABCD-1 นั้นเป็นบัค จะแก้ให้ในเวอร์ชั่นหน้าครับผม

[supichan]

ขอบคุณครับ
Third Party ที่ผมถาม เพราะผมต้องการใช้สำหรับ Inet to RF นี่แหละครับ  และเนื่องจาก แต่ก่อนผมใช้ miniTNC ก็เลย คุ้นเคยกับ Full PKT เลยเขียนโปรแกรม รับ ส่ง ข้อมูลแบบเก่า  แต่เดี๋ยวผมจะ แก้ไขใหม่ครับ
ตกลงถ้าเราจะใช้ format แบบสั้น ก็ได้ แต่ ว่า เวลาเราส่ง
}HS5TQA-1>APRSTH,WIDE1-1,WIDE2-2:!1736.98NI10042.25E& WX+IGATE APRS ON FraiendlyARM

ปรากฏว่า PKT ที่ส่งจริง มันออกแค่
HS5TQA-1>APRSTH,WIDE1-1,WIDE2-2:!1736.98NI10042.25E& WX+IGATE APRS ON FraiendlyARM

ตัว } มันหายไปครับ  ซึ่งผมกังวลว่า ที่ปลายทาง เมื่อรับแล้วจะไม่รู้ว่าเป็น Third Pary แล้วเดี๋ยวมันจะจับยัดลง APRS-IS loop กันไปอีก

ตัวอย่าง ที่ผมกำลังใช้จริง



หมายเลข 1 เป็น PKT จริง ที่อยู่ใน APRS-IS แล้วผมดึงออกมา  แล้วจึงใส่ เครื่องหมาย } นำหน้า PKT แล้วส่งออก ไปให้ nTNC
(จิ้มดูข้อมูลที่ขา Rx nTNC)

หมายเลข 2 เป็น PKT ที่รับด้วย TNC อื่น อีกตัวนึง ซึ่ง เครื่องหมาย } หายไป ไม่มาด้วย  มันจึงมองเหมือนว่าเป็น PKT ธรรมดา  ตรงนี้เองที่ กังวลว่า เมื่อ IGate อื่น รับได้ มันจะ loop ลง APRS-IS หรือเปล่า

แนวทางการแก้ปัญหาของผมมี 3 วิธี คือ
1. ใช้แบบ full format คือ
}ABCD-1,APRSTH,WIDE1-1:}original PKT
ซึ่ง } ตัวแรก ใช้หลอก nTNC เพื่อให้ส่งข้อมูลออกไปให้  ส่วน } ตัวที่2 คือ Third Party

2. ใช้ format ดัดแปลง คือ
}}original PKT
ซึ่ง } ตัวแรก ใช้หลอก nTNC เพื่อให้ส่งข้อมูลออกไปให้  ส่วน } ตัวที่2 คือ Third Party
ที่ต้องมี } 2 ตัวเพราะ nTNC เวลาส่งออกจะตัด } หายไป (เหลือแค่ 1 ตัว)

3. ต้องไปแทรก PATH เช่น RFONLY , TCP เป็นต้น แต่ผมว่ายุ่งยากกว่า 2 วิธีแรก

ถูกหรือเปล่าครับ?