ข้อปฏิบัติที่สำคัญยิ่งยวดเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ รวมทั้งในเที่ยวกลับด้วยก็คือ ไม่รับฝากกระเป๋า หรือสัมภาระของใคร ไม่หิ้วภาชนะ หรือหีบห่ออะไรที่มองไม่เห็นไปหรือกลับมาด้วยโดยเด็ดขาด แม้จะเป็นของบุคคลที่คุ้นเคยกันอย่างดีก็ตาม เพราะอาจจะตกเป็นเครื่องมือมิจฉาชีพ นักขนของเถื่อน และนักค้ายาเสพติดได้โดยง่าย
ห้ามแตะต้อง ห้ามหอบหิ้วอะไรของผู้อื่นๆ แม้ว่าอาจจะได้รับข้อเสนอค่าตอบแทนเป็นเงิน หรือสิ่งของที่มีมูลค่ามหาศาลก็ตาม นี่คือกฎเหล็กสำคัญในยามเดินทางที่ทราบกันมานานแล้ว แต่ในเวียดนามยังมีข้อปฏิบัติที่จะต้องระวังมากกว่านั้น
สื่อในประเทศนี้ได้เผยแพร่คลิปเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งหนุ่มนักศึกษานักเรียนนอกถูกจับกุมที่ท่าอากาศยานเตินเซินเญิ๊ต นครโฮจิมินห์ เมื่อเดินทางกลับจากออสเตรเลีย และถูกสตรีครรภ์แก่คนหนึ่งซึ่งหอบหิ้วกระเป๋าพะรุงพะรัง ขอให้ช่วยถือขวดน้ำดื่มให้ ขณะผ่านโต๊ะศุลกากรแผนกตรวจคนเข้าเมืองของท่าอากาศยานแห่งนี้
การณ์กลับเป็นว่า ขวดน้ำดื่มขาด 1.5 ลิตร ยี่ห้อเวียดนามที่คุ้นเคยกันดีที่มีน้ำเต็มขวด ถูกดัดแปลงเป็นกลไกที่สามารถถอดแยกได้ และข้างในบรรจุยาเสพติดพรางเอาไว้
ไม่ใช่เรื่องใหม่ หากจับได้ไล่ทันมาแล้วในหลายประเทศ แต่เป็นครั้งแรกที่ปรากฏในเวียดนาม หนุ่มนักศึกษาดวงซวยถูกฟ้องร้องต่อศาลในเวลาต่อมา ฐานลักลอบขน และมีโคเคนหนักเกือบ 500 กรัมในครอบครอง .. อยู่ในมือผู้ใด ความผิดตกอยู่กับผู้นั้น
ตำรวจปราบปรามยาเสพติดกำลังตามล่าหญิงตั้งครรภ์ในเหตุการณ์นี้ ซึ่งได้หายตัวไปอย่างรวดเร็วหลังผ่านด่านศุลกากรออกไป ตำรวจทราบชื่อ และนามสกุลจากหนังสือเดินทางของเวียดนาม แต่เชื่อกันว่าอาจจะเป็นหนังสือเดินทางปลอม และเจ้าของอาจจะเป็นหญิงท้องแก่ปลอมๆ ด้วยก็ได้