เห็นอะไรในนี้บ้าง จำนวนที่ค้นหา 1 หมวดตัวอักษร A-Z รวม 26 คน
พบว่าที่ต่อใบอนุญาตมีเพียง 5 ใน 26 คน คิดเป็นประมาณไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์
ที่ต่อใบอนุญาต ส่วนที่เหลืออีก 80 เปอร์เซ็นต์ หายไปไหนบ้าง
1. สอบแล้วสอบเลย ไม่ได้เล่น ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมาก มีคนชนมาสอบ แล้วพอใบอนุญาตหมด ก็ไม่ต่อ
2. สอบแล้วก็ใช้วิทยุสื่อสารอยู่สักพัก แล้วก็เบื่อ เลิกคุย แล้วก็ไม่ต่อ
3. สอบแล้วก็ใช้วิทยุสื่อสารคุยเป็นเรื่องเป็นราว ทุกวันนี้ก็ยังใช้วิทยุสื่อสารอยู่ แต่ไม่ไปต่อใบอนุญาต เพราะ
ไม่ต่อ ไม่ทำใหม่ ก็ไม่เห็นมีใครมาดำเนินการอะไร ก็ยังใช้ได้ ผ่านมาเป็นสิบปี ก็คุยได้สบาย
แบบที่ 1 และ 2 นั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะตั้งใจจะไม่ต่ออยู่แล้ว สองแบบนี้ถึงเวลาสัญญารเรียกขาน ก็เอาคืนไปใช้ใหม่
ส่วนแบบที่ 3 นี่ ผิดกฏหมาย ผิดตามประกาศ แต่ระบบขาดการบริหารจัดการที่ดี ปล่อยให้มีการกระทำผิดซ้ำซากมายาวนาน
จนทำให้เข้าใจผิดว่า ใบอนุญาตไม่มี หรือเคยมีแล้วก็ยังใช้ต่อได้ สัญญารเรียกขานเป็นของตัวเองติดตัวไปจนตาย
ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดมาโดยตลอด แต่ไม่มีใครออกมาทักท้วงหรือดำเนินการอะไร
มาถึงวันนี้กับประกาศใหม่ที่ออกมา จะมาแก้ปัญหาที่สะสมมานานนับสิบๆ ปี มาล้างความเข้าใจแบบผิดๆ ก็คงต้องใช้เวลากันหน่อย
ที่ผ่านๆ มากฏระเบียบวิทยุสมัครเล่น ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์อะไรเลย ถึงได้มีกลุ่มคนแบบที่ 3 อยู่เต็มไปหมด
มาประกาศฉบับนี้ เอาจริง มาสร้างความศักดิ์สิทธิ์แบบแท้จริง มันก็เลยต้องใช้เวลา สร้างความเข้าใจกันคนจำนวนมาก
กิจการวิทยุสมัครเล่น เป็นกิจการที่มี กฏ มีกติกา มีระเบียบ ควบคุมชัดเจน ไม่เหมือน CB ที่
มีเงินไปซื้อเครื่องมาใช้ แบบไม่มีกติกาใดๆ เลย ต่อจากนี้ไปจะเกิดความชัดเจนระหว่าง 2 กิจการนี้
ใครที่ยอมรับในกติกา ก็จะใช้งานได้ (อย่างมีความสุข มากกว่าเดิม) ส่วนใครที่ไม่ยอมรับกติกา
ก็ต้องหาที่หาทางที่เหมาะกับตนเอง
เราอาจลืมไปว่า ตอนที่สมัครสอบเพื่อเป็นพนักงานวิทยุสมัครเล่น ไม่ได้มีใครไปบังคับมา
เรามาด้วยความเต็มใจที่จะเป็นนักวิทยุสมัครเล่น เรามาของเราเองและเต็มใจที่จะยอมรับกติกาที่มีอยู่
ไม่ว่ากติกานั้นจะเป็นอย่างไร หากวันนี้เรารับไม่ได้กับกติกา ก็เพียงแต่หันหลังให้เท่านั้นอย่างไปคิดมาก
แล้วเมื่อใดที่เรารับได้กับ กติกานั้นๆ ก็กลับมาใหม่ได้ ตลอดเวลา