เรียน ผู้ดูแลเว็ปบอดร์และเพื่อน.. ชาวแฮมสยาม
กรณีที่มีเพื่อน.. สมาชิกท่านหนึ่งพูดจาหยาบคายถากถ่างตอนนี้ผมได้นำเรื่องไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวัน แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา พร้อมหลักฐานเอกสารประกอบ เจ้าหน้าที่ได้อธิบายให้ไปตกลงทำความเข้าใจกันก่อน ถ้าคู่กรณีไม่กล่าวคำขอโทษหรือมีพฤติกรรมยั่วยุแสดงพฤติกรรมไม่ยอมรับ ให้มาแจ้งดำเนินคดีได้ เป็นคดีทางอาญายอมความกันไม่ได้ ไม่ใช่คดีแพ่ง และบอกอีกอย่างหนึ่ง ที่คุณไปตั้งหัวข้อกระทู้
sk...มาโพสว่าผมแล้วจะเดินไปง่ายๆ..งั้นหรือ ขอให้คุณลบด้วย ไม่นั้นจะเกิด การแจ้งความอีกหนึ่งกระทง ที่คุณเอาข้อความผมไปตั้งกระทู้ในข้อความ ให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง
SK..ยังทำเป็นตลก ยังไม่สำนึกผิด พ่อค้าขายของเก่า.. เก่า.. พร้อมจักรยาน 3 ล้อปั่น รับซื้อของ เน่า.. เน่า.. เสีย.. เสีย.. ตามบ้าน
ตลาดนัดคลองถม มาขายในเว็ป แย่.. จัง.. ยมบาลก็ไม่เอาไปซะที ไอ้คน จัง.. ไ.. เติ่มเอาเอง
คุณมาโพสว่าผมเรื่องอะไรครับ..ผมไปทำอะไรให้คุณไป..ขี้..บนหลังคาบ้านคุณหรือ..หรืออะไร...ตอบมาให้ชื่นใจหน่อยซิครับไม่งั้นเรื่องยาวครับเพราะคำนำหน้าขึ้นต้นด้วย sk มันบ่องบอกถึงชื่อผม เดียวจะหาว่าไม่บอก
ผมไม่ใช่คนเจ้าเรื่องเจ้าราว ขอให้คุณสงบปากสงบคำไว้มั่ง ไม่ใช่มาอวดอันธพาลไม่ยอมรับความเป็นจริง พูดจาใหญ่โต
ผมเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว แต่ผมต้องแจ้งความลงประทึกประจำวันไว้ก่อน เพื่อไม่ให้สมาชิกผู้นี้พูดจาหยิ่งยโส ไม่กลัวใคร จะได้ไม่ไปทำกับผู้อื่น.. คนต่อไป
และคำกล่าวขอโทษ ไม่ต้องมาขอโทษ เพราะผมไม่ยอมรับ ถ้าผมยอมรับคำขอโทษ ถือว่าผมยอมรับสิ่งที่คุณกระทำแล้ว ดัดสันดาร ซะมั่งงั้นไม่เกร็งกลัวใคร ที่ผมไม่เอ๋ยชื่อเดี๋ยวจะเขาทางพี่แก เจ้าหน้าที่บอกมา
ผมมาอาศัยบ้าน แฮมสยามอยู่ คงจะไม่ทำให้บ้านเขาเดือดร้อน ต้องทำตามกฏ กติการ มารยาท ถ้าคุณไม่กลัวบอกมาได้เลย พอดีวันนี้เป็นวันแรกต้นสัปดารห์ ไปรอเจ้าหน้าที่นาน.. ไม่ใช่มีแต่เรื่องของผม เจ้าหน้าที่ต้องทำเรื่องอื่น..ก่อนที่สำคัญ เพราะผมก็ไม่เคยไปโรง ไปศาล
เพิ่มเติม.. ถ้าแจ้งข้อกล่าวหาแล้วนำใบแจ้งความไปธนาคารเพื่อขอชื่อที่อยู่ได้ครับ ถ้าเอามือถือต่ออินต่อเน็ตใช้แบบนี้ไว.. เลยครับ
ไม่อยากให้เสียอนาคต.. เสียเงิน.. รอลงอาญากี่ปีว่ากันไป ถ้าไม่กลัวก็โพสต่อไป ถ้ากลัวก็หยุดพฤติกรรมอันที่ไม่ดีซะ
ขอบคุณเพื่อน.. ทุกท่านที่โทรมา และทาง PM เอาแค่นี้ก่อน ถ้าพฤติกรรมไม่ดีขึ้น ค่อยว่ากันใหม่ ให้โอกาศปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง
ขออนุญาติ.. ท่าน HS3JBX ล็อกกระทู้ไว้เลยครับ ขอบคุณครับ
http://www.hamsiam.com/smf/index.php?topic=18750.0ขออนุญาติท่านผู้ดูแลเว็ปบอดร์ ใช้ลิงค์ อ่านซะ
http://www.hamsiam.com/smf/index.php?topic=9089.0เป็นประเด็นที่น่าสนใจทีเดียว กับกรณีที่ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำความผิดทางเทคโนโลยี (ศตท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาระบุเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าการกระทำความผิดคดี “หมิ่นประมาทในโลกอินเทอร์เน็ต” มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีทั้งคนที่ตั้งใจทำ และคนที่อาจไม่รู้ว่ากำลังทำผิดอยู่
วันก่อน ก็เพิ่งมีข่าวหญิงสาวรายหนึ่งแจ้งความว่าถูกโพสต์ข้อความกล่าวร้ายให้เสียหายในเว็บไซต์ชื่อดังไฮไฟว์ นี่ก็เป็นอีกกรณีหนึ่งที่เข้าข่ายความผิดประเภท “หมิ่นประมาทออนไลน์”
ทั้งนี้ ผลสำรวจผู้ใช้ “คอมพิวเตอร์-อินเทอร์เน็ต” ของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) พบว่า ปี 2549 มีผู้ใช้งานราว 11.41 ล้านคน พอถึงปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็น 13.42 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.55 ขณะที่ยอดสรุปผลพวงที่เกิดจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี-ที่เป็น “คดี” เฉพาะในปี 2549 เฉพาะที่มีการประสานกับ ศตท. จำนวน 163 คดี ในจำนวนนี้เป็นคดี “หมิ่นประมาท” สูงที่สุด คือ 78 คดี ซึ่งกับพฤติกรรมที่มีการกระทำจริงน่าจะสูงกว่านี้หลายเท่า เพียงแต่ไม่เป็นคดี
กับเรื่องนี้ทีม “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ติดต่อสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้กำกับการกลุ่มงานตรวจสอบฯ ศตท. ก็ได้ข้อมูลว่า...ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้กลายเป็น “เรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดา” ซึ่ง “ถือเป็นอาชญากรรมคอมพิวเตอร์” ประเภทหนึ่ง ที่ถึงแม้ว่าการกระทำแบบนี้จะไม่ได้สร้างผลกระทบมากมายเมื่อเทียบกับความผิดชนิดอื่น ๆ แต่ก็ “ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของบุคคลที่ถูกระบุถึงอย่างมาก”
เรื่องนี้ “เป็นพัฒนาการของการปล่อยข่าว” ที่เปลี่ยนจากเดิมอย่างเช่นการเขียนจดหมายสนเท่ห์ หรือแฟกซ์ ก็เปลี่ยนมาใช้อินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ เว็บบอร์ด และบล็อก ในการปล่อยข่าวแทน
สาเหตุที่คดีประเภทนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในเมืองไทย พ.ต.อ.ศิริพงษ์ระบุว่า...ก็คงจะเกิดจากการที่มีจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น มีการเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และอีกปัจจัยหนึ่งก็คือการขาดความรับผิดชอบ ต่อสังคม และ “คิดว่าไม่ผิด” หรือ “คิดว่าตำรวจตามจับไม่ได้” เพราะไม่มีการลงชื่อจริง-นามสกุลจริง...
ก็ต้องบอกว่านี่เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ !!
ผู้กำกับการกลุ่มงานตรวจสอบฯ ศตท. แจงว่า...อินเทอร์เน็ตก็เหมือนโทรศัพท์ คือมีต้นสายปลายทาง คอมพิวเตอร์ก็มีทั้งรหัสประจำเครื่อง ทั้ง IP address ซึ่งสามารถตรวจสอบได้หมดว่าถูกส่งมาจากแหล่งใด ดังนั้น ที่คิดว่าทำแล้วตำรวจจับไม่ได้ โพสต์ข้อความแล้วลบทิ้งก็ไม่เหลือหลักฐาน ต้องคิดเสียใหม่ให้ดี
หากเป็นสมัยก่อน ก็อาจจะยากในการติดตามสืบหาผู้กระทำผิด แต่หลังจากที่ทางตำรวจมีเครื่องมือคือ พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 โดยเฉพาะในมาตรา 26 และ 27 ที่กำหนดให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต, โอปเรเตอร์, เว็บโฮสติ้ง, แอดมิน, เว็บบอร์ด, บล็อก และบริษัทที่มีเครือข่ายเข้าถึงอินเทอร์เน็ต “ต้องทำการจัดเก็บข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ หรือ log file ไว้ในฐานข้อมูล 90 วัน การติดตามตรวจสอบก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป” เพราะจะมีข้อมูลทั้งหมดในการใช้งานเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยวันที่ 24 ส.ค. 2551 เป็นวันแรกที่กฎหมายนี้เริ่มมีผลบังคับใช้
“ถ้าเกิดการกระทำผิด เมื่อตรวจสอบผู้ให้บริการแล้วไม่มีข้อมูลผู้ใช้เก็บไว้ จะมีความผิด มีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท”...นายตำรวจคนเดิม กล่าว ก่อนจะบอกอีกว่า...กับความผิดสำหรับผู้ที่กระทำการหมิ่นประมาท “ถ้า เป็นการโพสต์ข้อความ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่ 3 ในประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำผิดฐานหมิ่นประมาท
“ถ้ามีการตัดต่อภาพลามกอนาจารประกอบ ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” เป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 16 ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วย วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ถือว่า มีความผิด
ผู้กำกับการกลุ่มงานตรวจสอบฯ ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์ การกระทำความผิดทางเทคโนโลยี ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า...นอกจากการหมิ่นประมาทกันแบบประชาชนทั่วไปแล้ว “จากความขัดแย้งทางการเมืองยามนี้ก็ มีความเป็นไปได้ว่าคดีหรือการกระทำในลักษณะนี้จะมีสูงมากขึ้นกว่าปกติ” ซึ่งบางคนอาจแย้งว่าข้อมูลลักษณะนี้ที่ถูกสาดใส่ในอินเทอร์เน็ตผู้คนจะไม่ค่อยเชื่อถือ แต่ในสังคมข่าวลือนั้นอานุภาพอาจร้ายมากจนเกินกว่าที่คิด ที่ สำคัญ...แม้ไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็อย่าลืมว่าก็มักจะมีคนที่พร้อมจะเชื่ออยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
“แม้บางคนอาจมองว่าเรื่องนี้ไม่ร้ายแรง แต่การเข้าถึงที่ง่าย การใช้งานที่สามารถดับเบิลก๊อบปี้หลาย ๆ หน และส่งออกไปยังบุคคลปลายทางจำนวนมาก ๆ ได้ด้วยการทำเพียงครั้งเดียว ถ้ามองในแง่ปริมาณ ก็ย่อม อาจจะส่งผลทางอ้อมกระทบกับสังคมได้มากเช่นกัน”...พ.ต.อ.ศิริพงษ์ระบุ
“หมิ่นประมาทออนไลน์” ทำง่าย ๆ แต่ไม่ควรจะทำ
ขอเน้นย้ำ-เตือนไว้...ว่า “ติดคุกได้ง่าย ๆ” นะ !!!!.
ที่มา
http://htcc.ict.police.go.th/images10.htm